โพสต์โดย : Admin เมื่อ 6 ธ.ค. 2568 03:25:50 น. เข้าชม 20 ครั้ง แจ้งลบ

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | เกมสัปดาห์ที่ 15 | วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2025
พรีวิว
สองทีมในศึก พรีเมียร์ลีก ที่ต่างมองหาการกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะหลังพ่ายแพ้ในเกมกลางสัปดาห์ จะโคจรมาพบกันที่สนาม ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม ในบ่ายวันเสาร์ เมื่อ บอร์นมัธ เตรียมเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เชลซี
"เดอะ เชอร์รีส์" และ "สิงห์บลูส์" จะลงดวลแข้งกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ทั้งสองทีมเสมอกันไป 2-2 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยในเกมนั้น รีซ เจมส์ ยิงประตูตีเสมออย่างสุดดราม่าในนาทีที่ 95 ให้กับเจ้าบ้าน
แมตซ์ พรีวิว
เดือนพฤศจิกายนไม่ใช่เดือนที่น่าอภิรมย์สำหรับ บอร์นมัธ เมื่อพวกเขาไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยตลอดสี่นัดใน พรีเมียร์ลีก (เสมอ 1 แพ้ 3) และเสียประตูไปถึง 12 ลูก โดยหนึ่งในนั้นคือการเสียสามประตูในความพ่ายแพ้ 3-2 ต่อ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งที่พวกเขาขึ้นนำไปก่อนถึงสองประตู
"เดอะ เชอร์รีส์" ไม่สามารถเริ่มต้นเดือนธันวาคมด้วยผลบวกได้ เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้คาบ้านแบบหวุดหวิด 1-0 ต่อ เอฟเวอร์ตัน เมื่อคืนวันอังคาร โดยเป็นประตูชัยในนาทีที่ 78 ของ แจ็ค กรีลิช แนวรุก "ทอฟฟี่เมน" ที่ทำให้ลูกทีมของ อันโดนี่ อิราโอล่า ต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกใน ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม ฤดูกาลนี้
หลังจบเกม อิราโอล่า ได้แสดงความเสียใจกับผลงานที่ "ย่ำแย่มาก" ของทีมในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน และรู้สึกว่าการขาดพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแดนกลาง มีส่วนทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมตกลงอย่างเห็นได้ชัด โดยพวกเขาเก็บชัยชนะได้เพียงสองครั้งเท่านั้นจาก 10 เกมลีกหลังสุด (เสมอ 4 แพ้ 4)
ฟอร์มอันตกต่ำของ "เดอะ เชอร์รีส์" ไม่ได้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของ อิราโอล่า ในฐานะผู้จัดการทีมเลย โดยกุนซือชาวสเปนรายนี้ที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์ และตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรชั้นนำในยุโรปหลายแห่ง ต้องเห็นทีมของตัวเองดิ่งลงจากอันดับสองในตาราง พรีเมียร์ลีก ไปอยู่ที่อันดับ 14 แม้ว่าพวกเขาจะตามหลัง เชลซี ทีมอันดับสี่เพียงแค่ห้าคะแนนเท่านั้น
บอร์นมัธ กำลังมองหาที่จะหลีกเลี่ยงการแพ้ในบ้านติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยพวกเขาเก็บ 14 จาก 19 คะแนนใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ได้ที่ ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม แต่พวกเขาเคยเอาชนะ เชลซี ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองได้เพียงสองครั้งเท่านั้นจาก 11 ครั้งที่พยายาม โดยครั้งล่าสุดคือเดือนมกราคม 2019 (4-0)
เชลซี สร้างผลงานที่น่าผิดหวังที่สุดครั้งหนึ่งในฤดูกาลนี้ เมื่อพวกเขาประสบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าประหลาดใจ 3-1 ต่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมที่กำลังดิ้นรนหนีตกชั้น เมื่อคืนวันพุธ ซึ่งเป็นผลการแข่งขันที่ส่งผลกระทบต่อความหวังอันริบหรี่ในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของพวกเขา
แม้ว่าจะจ่ายบอลสำเร็จไปถึง 630 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของพวกเขาในลีกฤดูกาลนี้ แต่ เชลซี ก็สร้างโอกาสที่น่าสนใจได้เพียงสามครั้งเท่านั้น และยังขาดความรัดกุมในแนวรับ โดย เอนโซ่ มาเรสก้า หัวหน้าโค้ช ยอมรับหลังจบเกมว่า ลีดส์ ซึ่งแพ้มาสี่เกมก่อนหน้านี้ "ดีกว่าในทุกๆ ด้าน"
เชลซี ตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล อยู่ 9 คะแนน พวกเขาเคยรับมือกับการขาดหายไปของจอมทัพคนสำคัญอย่าง โคล พาลเมอร์ ได้ดี โดยแพ้เพียงสองเกมจาก 16 นัดในทุกรายการ อย่างไรก็ตาม การเสียมิดฟิลด์ตัวเก่งอย่าง มอยเซส ไคเซโด ไปสามนัดจากการติดโทษแบน อาจเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากพวกเขาชนะเพียงสองเกมจากแปดนัดใน พรีเมียร์ลีก ที่ไม่มีเขา นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2023
เชลซี มีเวลาน้อยในการทบทวนความผิดหวังล่าสุดที่ ลีดส์ เนื่องจากพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับเจ็ดเกมในทุกรายการภายใน 24 วันเพื่อปิดท้ายปี 2025 โดยการเดินทางไปเยือน บอร์นมัธ ในวันเสาร์ จะตามมาด้วยศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ประเทศอิตาลีกับ อตาลันต้า บีซี ในอีกสามวันถัดมา
แม้จะแพ้ให้กับ ลีดส์ แต่ เชลซี ยังคงมีสถิติการเล่นนอกบ้านที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองร่วมใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ และเก็บแต้มจากการเล่นนอกบ้านได้มากกว่า (13 แต้ม) ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ (11 แต้ม) "สิงห์บลูส์" ยังไม่แพ้ใครในการไปเยือน บอร์นมัธ สี่ครั้งล่าสุด (ชนะ 2 เสมอ 2) รวมถึงการบุกไปชนะ 1-0 ในการเจอกันนอกบ้านครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2024
ฟอร์มล่าสุด
บอร์นมัธ (พรีเมียร์ลีก): ชนะ แพ้ แพ้ เสมอ แพ้ แพ้
เชลซี (พรีเมียร์ลีก): แพ้ ชนะ ชนะ ชนะ เสมอ แพ้
เชลซี (ทุกรายการ): เสมอ ชนะ ชนะ ชนะ เสมอ แพ้
สภาพความพร้อมของทีม
ไรอัน คริสตี้ (เข่า) และ เบน แกนนอน โด๊ค (กล้ามเนื้อหลังหัวเข่า) ของ บอร์นมัธ ยังคงพักรักษาอาการบาดเจ็บ ขณะที่ ลูอิส คุก และ ไทเลอร์ อดัมส์ ถูกตัดออกจากการลงสนามเนื่องจากการติดโทษแบน โดยรายหลังติดโทษแบนหนึ่งนัดหลังจากสะสมใบเหลืองครบห้าใบ
อย่างไรก็ตาม มาร์กอส เซเนซี่ และ เดวิด บรู๊คส์ ต่างก็พร้อมกลับมาจากโทษแบนหนึ่งนัด โดยคาดว่ารายแรกจะเข้ามาแทนที่ เวลจ์โก มิโลซาฟลเยวิช ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และรายหลังจะต่อสู้กับ อามีน อัดลี เพื่อแย่งตำแหน่งทางปีกขวา
การขาดหายไปของ คุก และ อดัมส์ อาจทำให้ มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ลึกกว่าเดิมเคียงข้าง อเล็กซ์ สก็อตต์ ขณะที่ เอวานิลซอน อาจถูกเรียกตัวกลับมาแทนที่ อีไล จูเนียร์ ครุปปี้ ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
ทางฝั่ง เชลซี, ไคเซโด จะต้องรับโทษแบนเป็นนัดที่สองจากทั้งหมดสามนัดในสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ เลวี โคลวิลล์ (เข่า), โรเมโอ ลาเวีย, ดาริโอ เอสซูโก้ (ทั้งคู่บาดเจ็บที่ต้นขา) และ มิไคโล มูดริค (ติดโทษแบน) ก็ไม่สามารถลงสนามได้เช่นกัน
หลังจากพลาดลงสนามไป 14 เกมในทุกรายการเนื่องจากอาการบาดเจ็บ โคล พาลเมอร์ ได้กลับมาเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังในเกมที่ เชลซี พ่ายแพ้ต่อ ลีดส์ และ มาเรสก้า จะต้องพิจารณาว่าจะส่งจอมทัพรายนี้ลงเป็นตัวจริงในวันเสาร์หรือไม่
การที่ พาลเมอร์ ได้ลงเล่นในบทบาทหมายเลข 10 ที่เขาชื่นชอบ อาจทำให้ เลียม ดีแลป หลุดจากตำแหน่งตัวจริง และ เจา เปโดร ถูกดันไปเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ขณะที่ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ มีแนวโน้มที่จะเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ที่ลึกกว่าเดิม และอาจลงเล่นเคียงข้างกัปตันทีม รีซ เจมส์ ที่ได้พักในเกมกลางสัปดาห์
เปโดร เนโต้ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ต่างก็มีลุ้นกลับมายึดตำแหน่งปีกตัวจริงแทนที่ เอสเตเวา และ เจมี่ กิตเทนส์ ขณะที่ มาโล กุสโต้ คาดว่าจะกลับมาประจำการในตำแหน่งแบ็คขวา ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ขยับกลับไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และมีโอกาสลงเล่นคู่กับ เวสลีย์ โฟฟาน่า
คาดการณ์ผู้เล่นตัวจริง
บอร์นมัธ คาดการณ์ผู้เล่นตัวจริง:
เปโตรวิช; ฆิเมเนซ, ดิยากิเต้, เซเนซี่, ทรุฟแฟร์ต; สก็อตต์, ทาเวอร์เนียร์; บรู๊คส์, ไคลเวิร์ต, เซเมนโย่; เอวานิลซอน
เชลซี คาดการณ์ผู้เล่นตัวจริง:
ซานเชซ; กุสโต้, โฟฟาน่า, ชาโลบาห์, กูกูเรย่า; เจมส์, เฟอร์นันเดซ; เนโต้, พาลเมอร์, การ์นาโช่; เปโดร
วิเคราะห์คาดการณ์
เกมนี้เป็นการเผชิญหน้ากันของสองทีมที่กำลังประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างหนัก โดย บอร์นมัธ เพิ่งแพ้เป็นนัดแรกในบ้านฤดูกาลนี้ และไม่ชนะใครในลีกมาแล้วถึงสี่นัดติด ขณะที่ เชลซี ก็ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในเกมล่าสุดกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด จุดสำคัญที่สุดของ เชลซี คือการขาด มอยเซส ไคเซโด ในแดนกลาง ซึ่งสถิติบ่งชี้ว่าทีมมีผลงานไม่ดีเมื่อไม่มีเขา แต่การกลับมาของ โคล พาลเมอร์ ซึ่งเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ เชลซี เคยรับมือกับการขาดหายไปได้ก่อนหน้านี้ อาจจะเข้ามาช่วยยกระดับเกมรุกที่ฝืดเคืองได้ทันท่วงที ในทางกลับกัน บอร์นมัธ ก็ขาดมิดฟิลด์ตัวสำคัญถึงสองรายคือ ลูอิส คุก และ ไทเลอร์ อดัมส์ ซึ่งอาจทำให้ปัญหาการขาดพลังงานในแดนกลางที่ อันโดนี่ อิราโอล่า เคยกล่าวถึงนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น แม้ว่า "เดอะ เชอร์รีส์" จะเก็บแต้มส่วนใหญ่ได้ในบ้าน แต่ เชลซี มีสถิตินอกบ้านที่ดีเยี่ยมในฤดูกาลนี้ และไม่แพ้ใครในการมาเยือน ไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม สี่ครั้งหลังสุด เมื่อพิจารณาจากแรงจูงใจในการฟื้นฟูความมั่นใจหลังความพ่ายแพ้ และการกลับมาของ พาลเมอร์ คาดว่า เชลซี จะสามารถบุกมาคว้าสามแต้มไปได้ด้วยสกอร์ที่ห่างไม่มากนัก
คาดการณ์สกอร์
บอร์นมัธ 0 - 1 เชลซี
ข้อมูลที่น่าสนใจ
เชลซี ชนะ: เชลซี มีสถิติการเล่นนอกบ้านที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองร่วมในลีกฤดูกาลนี้ และไม่เคยแพ้ในการไปเยือน บอร์นมัธ สี่ครั้งล่าสุด นอกจากนี้ บอร์นมัธ ยังขาดมิดฟิลด์สำคัญถึงสองรายจากการติดโทษแบน ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ที่ว่า "สิงห์บลูส์" จะบุกมาเก็บชัยชนะได้
สกอร์ต่ำ (Under 2.5 Goals): ทั้งสองทีมต่างมาจากความพ่ายแพ้และต้องการความมั่นใจ โดย บอร์นมัธ เพิ่งแพ้ในบ้าน 1-0 ขณะที่ เชลซี กำลังขาด มอยเซส ไคเซโด ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในแดนกลางลดลง การเจอกันครั้งล่าสุดที่ บอร์นมัธ ก็จบลงด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อเดือนกันยายน 2024 ทำให้คาดว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่เน้นความรัดกุมและมีสกอร์รวมไม่สูง
Both Teams to Score (BTTS) - ไม่: บอร์นมัธ มีปัญหาฟอร์มตกอย่างชัดเจน ไม่ชนะในลีกมาหลายนัด และขาดผู้เล่นในแดนกลาง ขณะที่ เชลซี แม้จะเสียประตูในนัดล่าสุด แต่พวกเขามีสถิติชนะที่นี่โดยไม่เสียประตูเมื่อปีที่แล้ว และการกลับมาของ รีซ เจมส์ ในแนวรับที่ได้พักมา อาจช่วยให้เกมรับแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีโอกาสที่ทีมใดทีมหนึ่งจะไม่สามารถทำประตูได้
เชลซี ได้ประตูแรก: เชลซี มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกลับมาชนะเพื่อรักษาความหวังในการลุ้นตำแหน่งยุโรป การได้ โคล พาลเมอร์ กลับมา อาจช่วยสร้างสรรค์เกมรุกได้ตั้งแต่ต้นเกม ขณะที่ บอร์นมัธ ก็เพิ่งแสดงให้เห็นถึงความ "ย่ำแย่มาก" และขาดพลังงานในเกมล่าสุด ทำให้มีแนวโน้มที่ "สิงห์บลูส์" จะเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน